กองบริหารยุทธศาสตร์
ได้จัดทำงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน
ทำให้ได้รับข้อมูลทางการเงินและการจัดการที่บ่งบอกถึงผลผลิต (Outputs
– สิ่งของและบริการ) ที่จัดทำโดยส่วนงานนั้นๆ
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งผลผลิตนั้น และความเชื่อมโยงของผลผลิตและผลลัพธ์ (Outcomes
– ผลที่ตามมา ผลกระทบและผลสำเร็จ)
การตัดสินใจในการจัดสรรทรัพยากรจึงอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลด้านผลผลิต
และผลลัพธ์ที่สอดคล้องกันกับวัตถุประสงค์ของนโยบาย
เพื่อให้การดำเนินงานของกองบริหารยุทธศาสตร์
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลภายใต้งบประมาณที่จำกัด
จำเป็นต้องดำเนินการเงื่อนไขการจัดการทางการเงินซึ่งเรียกว่ามาตรฐาน
การจัดการทางการเงิน งบประมาณและทรัพย์สิน 7 ด้าน (Hurdles) ดังนี้
การวางแผนงบประมาณ (Budget Planning)
การจัดงบประมาณของกองบริหารยุทธศาสตร์ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดจำเป็นต้องดำเนินการในสิ่งที่เป็นพันธกิจหลักของกอง
เพื่อสนองตอบต่อเป้าหมายของมหาวิทยาลัย ตลอดจนเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น
สิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการเป็นสิ่งแรกก็คือ การจัดทำแผนกลยุทธ์
เพื่อนำกลยุทธ์ที่ได้ไปใช้ในการปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้
และจะต้องได้ผลผลิต
และผลลัพธ์จากการดำเนินงาน
โดยจะใช้ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องเป็นตัววัดผลการดำเนินงาน กลยุทธ์ที่ได้จาก
การดำเนินการจัดทำแผนกลยุทธ์ดังกล่าว จะต้องนำมาแปลงสู่แผนการดำเนินงานหรือกลยุทธ์
ในการปฏิบัติงาน พร้อมจัดทำแผนงาน งาน/โครงการ ตามประเภทค่าใช้จ่ายที่กำหนด
และครอบคลุม
แหล่งเงินงบประมาณ เพื่อเป็นการประกันได้ว่าหากสถานการณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลง กองบริหารยุทธศาสตร์จะสามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง
และทำให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
การคำนวณต้นทุนผลผลิต (Output Costing)
ต้นทุนการผลิต
เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งสำหรับการจัดทำ และบริหารงบประมาณ
เพราะต้นทุนผลผลิต รวมถึงประโยชน์ในการพิจารณาทบทวนการดำเนินงานของหน่วยงานว่า
งาน/โครงการดังกล่าวจะดำเนินการต่อไป
หรือหยุดการดำเนินการหากดำเนินงานไม่มีประสิทธิผล ดังนั้น
จำเป็นต้องจัดวางระบบในการคิดต้นทุนผลผลิตที่เหมาะสม และสามารถแสดงผลได้รวดเร็ว
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการดำเนินงาน และการติดตามตรวจสอบ นอกจากนั้น
จะต้องมีระบบการบริหารต้นทุน
ที่จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลในการดำเนินงาน
การจัดระบบการจัดซื้อจัดจ้าง (Procurement Management)
กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดการประหยัดในการใช้จ่ายงบประมาณ
และมีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนของการผลิต กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ดี
โปร่งใสยุติธรรม และตรวจสอบได้ จะช่วยลดการสูญเสียงบประมาณ ดังนั้น กองบริหารยุทธศาสตร์จึงจัดให้มีระบบ
การจัดซื้อจัดจ้างที่ดี
มีแผนในการจัดซื้อจัดจ้างที่จะบ่งบอกว่าจะจัดซื้อจัดจ้างพัสดุชนิดไหน
จำนวนเท่าไรในเวลาใด และจะจัดอย่างไร เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรที่ใช้ในการดำเนินงานได้ทันเวลา
มีปริมาณ คุณภาพมีราคาที่เหมาะสมและสมประโยชน์ในการใช้งาน
การบริหารทางการเงินและควบคุมงบประมาณ (Financial Management and Budget Control)
การควบคุมงบประมาณเป็นกลไกที่จำเป็นสำหรับการประกันว่า
ความคล่องตัวทางการงบประมาณที่ได้รับจากส่วนกลางนั้น
จะไม่นำไปสู่การกระจายงบประมาณที่ไม่เกิดประสิทธิผล
ซึ่งรายการทางบัญชีจะต้องแสดงถึงรายการที่จำเป็นเหมาะสมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมงบประมาณ
และคำนวณต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) สำหรับการรายงานผลการดำเนินงาน
รวมถึงมีระบบการอนุมัติ ตรวจสอบ เช็คกระทบยอด
และการบันทึกเพื่อควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
การรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงาน (Financial and Performance Reporting)
การรายงานทางการเงินและผลการดำเนินงาน
และส่วนหนึ่งของกระบวนการติดตาม
และประเมินผล เป็นการแสดงความโปร่งใสของการใช้จ่ายเงิน ประสิทธิผลในการปฏิบัติ
เป็นเครื่องมือ
ที่ใช้กำกับการดำเนินงานขององค์กรต่าง ๆ
เพื่อจะบ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายในแต่ละช่วงเวลา
รวมถึงเป็นข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ในการตัดสินใจของกองบริหารยุทธศาสตร์ว่าควรจะดำเนินกิจกรรม
หรือมีหน่วยงานนั้นต่อไปหรือไม่อย่างไร
การบริหารสินทรัพย์ (Asset Management)
สินทรัพย์
นับเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการดำเนินงานของทุกองค์กร หากองค์กรมีการใช้สินทรัพย์ที่ไม่คุ้มค่าหรือไม่มีประสิทธิภาพ
ก็จะเป็นผลให้มีต้นทุนในการดำเนินการสูงกว่าที่ควรจะเป็นสาเหตุทั่วไปของการสิ้นเปลืองงบประมาณอันเนื่องมาจากการใช้สินทรัพย์
ได้แก่ ไม่มีการบำรุงรักษาสินทรัพย์ ความสูญหาย
การจัดซื้อสินทรัพย์ใหม่ในขณะที่สินทรัพย์เดิมยังสามารถใช้งานได้
การขาดความชัดเจนของกฎระเบียบในการขายสินทรัพย์เดิมไม่ก่อให้เกิดผลผลิต
รวมถึงการขาดการบริหารสินทรัพย์
ที่มีอยู่ให้บังเกิดผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้น กองบริหารยุทธศาสตร์จึงจำเป็นต้องมีการบริหารสินทรัพย์ที่มี
อยู่ให้เกิดสัมฤทธิผล และมีการจัดซื้อสินทรัพย์ใหม่เท่าที่จำเป็นอย่างแท้จริง
การบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เพื่อให้แผนปฏิบัติราชการประจำปี และแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี
เป็นเครื่องมือ และกลไกขับเคลื่อนการบริหารงบประมาณที่มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลสำเร็จตามกรอบเป้าหมายนโยบายพันธกิจ ทิศทางการพัฒนา และตัวชี้วัดที่สำคัญ กองบริหารยุทธศาสตร์ จึงได้จัดให้ระบบ
การบริหารและเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ยึดหลักการบริหารงบประมาณ ตามวัตถุประสงค์
ของงบประมาณปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย แบบแผนทางราชการที่กำหนด และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกำหนดระยะเวลาและปฏิทินการปฏิบัติงาน รวมทั้งคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดประหยัด คุ้มค่า การมีส่วนร่วม โปร่งใสและตรวจสอบได้ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล เบิกจ่ายตามแผนปฏิบัติการประจำปี และแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ โดยเคร่งครัดและคำนึงถึงประสิทธิผลเป็นสำคัญ ให้มีการกำกับ ติดตามการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ รายงานผลการเบิกจ่าย ตามกำหนดเวลารายไตรมาส ภายใต้มาตรการควบคุมประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณของ
สำนักงบประมาณ
การกำกับตรวจสอบ
กองบริหารยุทธศาสตร์ มีการกำกับตรวจสอบตามรายละเอียดดังนี้
การตรวจสอบภายใน (Internal Audit)
การปรับเปลี่ยนระบบงบประมาณ จากงบประมาณแบบแผนงานไปสู่ระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน ทำให้กองบริหารยุทธศาสตร์มีความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณมากขึ้น และอาจส่งผลให้มีการใช้งบประมาณที่ขาดประสิทธิภาพ ดังนั้นการตรวจสอบภายในจึงถือเป็นกลไกที่สำคัญในการควบคุมการใช้งบประมาณให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องและมีสัมฤทธิ์ผล เป็นการให้บริการข้อมูลแก่ฝ่ายบริหาร และเป็นหลักประกันขององค์กรในด้านการประเมินประสิทธิผลและประสิทธิภาพของระบบการควบคุมภายในที่เหมาะสม ทั้งในด้านการเงินและการบริหารงาน เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร โดยการเสนอรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมการเพิ่มมูลค่าขององค์กรรวมทั้งการเป็นผู้ให้คำปรึกษากับฝ่ายบริหาร ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิผลและดูแลให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า ซึ่งการตรวจสอบภายในมีส่วนผลักดันความสำเร็จขององค์กรด้วย
การควบคุมภายใน (Internal Control)
ตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการกำหนดมาตรฐานการควบคุมภายในพ.ศ.
2544
ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน
พ.ศ. 2542 มาตรา 15 (3) (ก) (ค)
ตามระเบียบฯ ข้อ 5 กำหนดให้หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐ
(ผู้รับตรวจ) นำมาตรฐานการควบคุมภายในที่ออกตามระเบียบนี้ไปใช้เป็นแนวทางในการจัดวางระบบการควบคุมภายในให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี
นับแต่วันที่ระเบียบฯ นี้ มีผลใช้บังคับและรายงานความคืบหน้า
ทุกหกสิบวันต่อผู้กำกับดูแล และคณะกรรมการตรวจสอบ
พร้อมส่งสำเนาให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ดังนั้น กองบริหารยุทธศาสตร์จึงได้จัดให้มีระบบการควบคุมภายในตามแนวทางของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
การจัดให้มีการควบคุมภายในที่มีประสิทธิผลและสอดคล้องกับมาตรฐานการควบคุมภายใน
ที่กำหนดโดยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินจะเกี่ยวข้องกับการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายในและภายนอกขององค์กร
การตรวจสอบการดำเนินงาน (Performance Audit)
การตรวจสอบการดำเนินงาน
(Performance
Audit) เป็นการตรวจสอบที่เน้นผลของ
การดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงในระหว่างดำเนินการและหรือที่แล้วเสร็จ
ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนงบประมาณ ผลผลิต โครงการ
กิจกรร หรือไม่ มีประสิทธิภาพและสมประโยชน์เพียงใด
โดยให้ความสำคัญกับผลงานที่เกิดขึ้นทั้งในเชิงปริมาณ คุณภาพ และการใช้ทรัพยากร
ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด
การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
การบริหารความเสี่ยง
เป็นกลวิธีที่เป็นเหตุเป็นผลที่นำมาใช้ในการบ่งชี้ วิเคราะห์ ประเมินจัดการ ติดตาม
และสื่อสารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมหน่วยงาน/ฝ่ายงาน
หรือกระบวนการดำเนินงานขององค์กร
เพื่อช่วยลดความสูญเสียในการไม่บรรลุเป้าหมายให้เหลือน้อยที่สุดและเพิ่มโอกาสแก่องค์กรมากที่สุด
การนำกระบวนการบริหารความเสี่ยงมาใช้ภายในกองบริหารยุทธศาสตร์
จะเป็นงานส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การดำเนินงานต่างๆ บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงเป็น
การคาดการณ์เหตุการณ์อนาคตอย่างมีเหตุผล มีหลักการ พร้อมทั้งหาทางลดระดับความเสี่ยงหรือป้องกันความเสียหายในการทำงานแต่ละขั้นตอนไว้
หรือในกรณีที่พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่มีผลทำให้คณะเกิดความเสียหาย
หากมีการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงไว้โอกาสที่จะประสบกับปัญหาก็จะลดระดับ
ความรุนแรงของปัญหาได้ หรือหากเกิดความเสียหายขึ้น ก็จะเป็นความเสียหายที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ
การไม่มีการนำกระบวนการบริหารความเสี่ยงมาใช้
และเพื่อให้การดำเนินการตามแผนบริหารความเสี่ยง ของกองบริหารยุทธศาสตร์ประสบผลสำเร็จได้
แผนการดำเนินงาน
มีการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ (4ปี) พ.ศ. 2562-2565 ด้วยยุทธศาสตร์บันได 4 ขั้นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนี้
ยุทธศาสตร์ที่ 1 ปฏิรูปเพื่อการพัฒนาองค์กร (Reform & Re-positioning) มีเป้าหมาย
เพื่อมหาวิทยาลัยมีระบบบริหารจัดการภายในองค์กรมีประสิทธิภาพ
การสร้างหลักสูตรที่ตอบสนอง
ความต้องการของท้องถิ่น
พัฒนากระบวนการผลิตบัณฑิตและพัฒนาคุณภาพบัณฑิตให้เป็นผู้ประกอบการ
รุ่นใหม่
และสถาบันสังคมดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างความร่วมมือมุ่งเป้า (Cooperation Focus) มีเป้าหมายมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตบัณฑิต และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อต่อยอดงานวิจัยสู่ชุมชน
ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างชื่อเสียง สร้างศรัทธา สร้างรายได้ (Celebrated & Revenue Development) มีเป้าหมายเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สร้างอัตลักษณ์บัณฑิตด้านดิจิทัลและการนำความรู้ไปประยุกต์ในการแก้ปัญหาท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ และมีรายได้เพิ่ม มั่นคง และพัฒนามหาวิทยาลัยได้อย่างยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ที่ 4 ครอบครัวราชภัฏชัยภูมิเปี่ยมสุข มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน (Quality
of Life & Sustainability) มีเป้าหมายให้บุคลากรและนักศึกษา
มีความรัก ความสามัคคี รวมใจเป็นหนึ่งเดียว ส่งเสริมค่านิยม
“ราชภัฏชัยภูมิ รวมใจเป็นหนึ่งเดียว” (CPRU Mind is One) ส่งเสริมให้บุคลากร
ใช้ความสามารถได้เต็มประสิทธิภาพ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
และสร้างให้มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
เป็นมหาวิทยาลัย สีเขียว(Green and Clean
University)